________________________________________________________________________________________
แนะนำฮีโร่
หากคุณกำลังโดนโจมตีแล้วติด silent แบบไม่รู้จบ... คุณกำลังเจอกับ The Dark Lady...
หากคุณกำลังโดน slow จนแทบก้าวขาไม่ออกตั้งแต่ต้นเกม... คุณกำลังเจอกับ The Dark Lady...
หากอยู่ดีๆรอบตัวคุณเกิดมืดสนิท มองไม่เห็นเพื่อนร่วมทีมซักคน ไม่เห็นแม้กระทั่งใน minimap แล้วอยู่ดีๆตัวคุณก็หายมาโผล่ที่บ้าน... คุณกำลังเจอกับ The Dark Lady...
หากคุณกำลังมองหาฮีโร่ carry สาย AGI โหดๆซักตัวมาลองเล่นดู... ทำไมไม่ลอง The Dark Lady ล่ะครับ!
หากคุณกำลังโดน slow จนแทบก้าวขาไม่ออกตั้งแต่ต้นเกม... คุณกำลังเจอกับ The Dark Lady...
หากอยู่ดีๆรอบตัวคุณเกิดมืดสนิท มองไม่เห็นเพื่อนร่วมทีมซักคน ไม่เห็นแม้กระทั่งใน minimap แล้วอยู่ดีๆตัวคุณก็หายมาโผล่ที่บ้าน... คุณกำลังเจอกับ The Dark Lady...
หากคุณกำลังมองหาฮีโร่ carry สาย AGI โหดๆซักตัวมาลองเล่นดู... ทำไมไม่ลอง The Dark Lady ล่ะครับ!
________________________________________________________________________________________
แนวทางการเล่น
Dark Blades / Taint Soul / Charging Strikes / Cover of Darkness |
เช่นเดียวกับฮีโร่ carry ตัวอื่นๆ ในช่วงต้นเกมพยายาม LS ครีปให้ได้มากที่สุด อย่าดันครีปไปไกลจากป้อมมาก เพราะยิ่งคุณอยู่ไกลจากป้อมเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเสี่ยงที่จะถูกฆ่ามากขึ้นเท่านั้น การอัพสกิลของฮีโร่ตัวนี้ไม่ตายตัว หากเพื่อนร่วมเล่นของคุณเป็นฮีโร่ที่สามารถ stun จากระยะไกลได้ การอัพสกิล Dark Blades(สกิล 1) สลับกับสกิล Charging Strikes(สกิล 3) จะทำให้คุณสามารถทำ DPS สูงสุดแก่ศัตรูได้หากเพื่อนร่วมเลนของคุณเปิดจังหวะได้ดี(สกิล 1 จะเพิ่มพลังการโจมตีให้กับคุณอีก 50/60/70/80% จากพลังโจมตีของตัวเอง(ไม่นับที่มาจากไอเทม) และสกิล 3 จะเพิ่มความเร็วในการโจมตีอีก 30/45/60/75% ตามเลเวลสกิล) และยิ่งเลเวลสกิล 1 เยอะ คุณก็จะสามารถทำให้เป้าหมายที่คุณโจมตีติด silent ได้นานขึ้นด้วย(silent เป้าหมายที่โจมตีนาน 2.5 วินาทีต่อการโจมตี 1 ครั้ง และมีผลติดตัวคุณนาน 3/4/5/6 วินาทีตามเลเวลสกิล) อย่าลืมอัพสกิล Taint Soul(สกิล 2) ไว้อย่างน้อย 1 เลเวลเพื่อใช้ slow ศัตรูหากจำเป็น(slow เป้าหมาย 60% ทันทีที่ใช้สกิล และจะค่อยๆฟื้นฟูความเร็วในการเคลื่อนที่ให้เหมือนเดิมภายใน 2/3/4/5 วินาที และสร้างความเสียหาย 60/90/120/150 หน่วยตามเลเวลสกิล) หากเพื่อนร่วมเล่นของคุณไม่มีสกิลหยุดเลยแต่สามารถทำ DPS ได้สูงๆ คุณอาจจะอัพสกิล 2 ไว้เป็นสกิลหลักเพื่อใช้เปิดจังหวะและใช้ยื้อศัตรูให้นานที่สุดเพื่อให้เพื่อนร่วมเลนของคุณสร้างความเสียหาย แล้วอัพสกิล 1 กับ 3 สลับกันไป เมื่อถึงเลเวล 6 คุณอาจจะยังไม่อัพสกิล Cover of Darkness(สกิล ulti) ก็ได้เพื่ออัพสกิล 1 กับ 3 ให้เต็มก่อน หากคุณอัพสกิล 1 และ 3 เต็มแล้ว คุณก็สามารถไล่ฆ่าฮีโร่ตัวบางๆที่อยู่ตัวคนเดียวในเลนได้อย่างรวดเร็ว ในการปะทะหมู่ สกิล ulti จะทำให้ทีมของคุณเปิดจังหวะได้ง่ายขึ้นมาก หรือในบางสถานการณ์อาจใช้ในขณะที่ศัตรูอยู่ห่างกันเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ความเป็นไปของเพื่อนร่วมทีมก็ได้
________________________________________________________________________________________
แนวทางการออกไอเทม
แน่นอนว่าไอเทมหลักคือไอเทมที่จะเพิ่ม DPS ในการโจมตีให้กับคุณ และไอเทมอื่นๆก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่หากคุณออกไอเทมประเภท Attack Modifier มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสกิล 3 ของคุณด้วย!
**นี่เป็นเพียง"แนวทาง"เท่านั้น**
- คุณอาจจะออก Shield Breaker*, Elder Parasite*, Riftshards เพื่อส่งศัตรูลงหลุมภายในเสี้ยววินาที
- คุณอาจจะออก Shrunken Head เพื่อให้คุณโหดแบบหยุดไม่อยู่
- คุณอาจจะออก Charged Hammer เพื่อให้สายฟ้าแลบแปรบปราบในยามที่คุณใช้สกิล 3 กับศัตรู!
- คุณอาจจะออกอะไรก็ได้ เพราะทั้งหมดนั้น ขึ้นอยู่กับคุณ!
*เป็นไอเทมประเภท Attack Modifier หากออกไอเทมประเภทเดียวกันหลายชิ้น จะสามารถแสดงผลของไอเทมได้เพียง 1 ชิ้นเท่านั้น(เลือกได้ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ)
Tips
- สกิล Dark Blades(สกิล 1) จะ silent ยูนิตที่คุณทำการโจมตี ดังนั้นในการปะทะช่วงต้นเกม(ภายในเลน) หากศัตรูมีสกิลหยุด(stun,unmovable,slow) เป้าหมายของคุณก็ควรจะเป็นฮีโร่ตัวนั้นเพื่อไม่ให้ศัตรูใช้สกิลหยุดหยุดคุณได้
- สกิล Taint Soul(สกิล 2) เป็นสกิลที่ใช้มานาน้อยมาก(35 หน่วยทุกเลเวล) มันจึงสามารถใช้สร้างความเสียหายเพื่อก่อกวนศัตรูภายในเลนได้เป็นอย่างดี หรือแม้กระทั่งใช้ last-shot ครีปก็ยังได้
- เมื่อคุณใช้สกิล Charging Strikes(สกิล 3) ยูนิตทุกตัวที่คุณเคลื่อนที่ผ่านระหว่างใช้สกิลจะถูก"โจมตี" 1 ครั้ง โดยยูนิตตัวแรกที่โดนสกิลจะโดนความเสียหายแรงที่สุด และตัวถัดๆไปจะโดนความเสียหายน้อยลง 15% (เช่นตัวที่ 1 โดน 100 ตัวที่สองจะโดน 85(ลดลงไป 15% จาก 100) ตัวที่สามจะโดน 72(ลดลงไป 15% จาก 85) เป็นต้น) นั่นหมายความว่าหากคุณออกไอเทมที่ส่งผลต่อการโจมตี สกิล 3 ของคุณก็จะแสดงผลนั้นด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Shield Breaker เมื่อคุณใช้สกิล 3 ศัตรูที่คุณพุ่งผ่านก็จะถูกลบเกราะด้วย หากคุณมี Elder Parasite เมื่อคุณใช้สกิล 3 คุณก็จะสามารถ"ดูดเลือด"ศัตรูได้ด้วย หากคุณมีั Charged Hammer เมื่อคุณใช้สกิล 3 คุณก็มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูโดน"สายฟ้า"จากไอเทมด้วย(เพราะยูนิตที่พุ่งผ่านจะถูก"โจมตี") หากคุณมี Riftshards คุณก็มีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายจากสกิล 3 ได้มากขึ้น(เพราะมีโอกาสติด critical จากการ"โจมตี") ยิ่งหากคุณมีไอเทม Runed Cleaver ด้วยแล้ว หากคุณเกิด"โจมตี"ติด Critical ศัตรูได้หลายๆตัวในขณะที่คุณใช้สกิล 3 ขึ้นมา ความเสียหายที่ศัตรูได้รับก็จะยิ่งทวีึความรุนแรงขึ้นอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้เลยที่เดียว(เวอร์) (เพราะไอเทม Runed Cleaver จะกระจายความเสียหายจาก"การโจมตี"แก่ยูนิตรอบๆเป้าหมาย 40% หากศัตรูอยู่ใกล้ๆกันแล้วคุณทำ critical ได้ สกิลของคุณก็จะเป็นสกิล nuke ดีๆนี่เอง)
- จากข้อข้างบน การใช้สกิล 1 ก่อนที่จะใช้สกิล 3 ก็สามารถทำให้ยูนิตที่คุณพุ่งผ่านติดสถานะ silent ได้เช่นเดียวกัน และผลจากสกิล 1 จะช่วยเพิ่มความเสียหายใ้ห้สกิล 3 อีกมากเลยทีเดียว
- สกิล 3 นับเป็น"การเคลื่อนที่" ดังนั้นมันจึงไม่สามารถใช้เพื่อข้ามหน้าผา/ต้นไม้ได้(ไม่เหมือนกับสกิล Flash ของ Magebane)
- สกิล Cover of Darkness(สกิล ulti) มีระยะการใช้สกิลที่ไม่จำกัด หากเพื่อนของคุณกำลังหนีศัตรูที่กำลังไล่ gank แม้จะอยู่คนละเลนกันคุณก็สามารถใช้สกิล ulti ใส่ศัตรูเพื่อช่วยเพื่อนของคุณได้
- ในการใช้สกิล ulti ยามปะทะหมู่ ถ้าเป็นไปได้พยายามใช้สกิลให้โดนศัตรูทุกตัว(ถ้าฝ่ายตรงข้ามมากันครบ) ยิ่งใช้ในตอนที่ศัตรูอยู่ห่างกันยิ่งดีเพราะศัตรูจะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตัวเอง ทำให้การฆ่าศัตรูที่ละตัวนั้นทำได้ง่ายมาก(ถ้าใช้ในตอนที่ศัตรูอยู่ติดกันเป็นกระจุก ศัตรูก็จะมองเห็นซึ่งกันและกันและสามารถช่วยเหลือกันได้ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าสกิล ulti ของคุณแสดงประสิทธิภาพได้ไม่เต็มที่ เพราะสกิล ulti ใช้ในการ"บดบังสายตา"ของศัตรูไม่ให้ศัตรูรู้ทั้งความเคลื่อนไหวภายในทีมของคุณและภายในทีมของศัตรูเอง)
- การใช้สกิล ulti ไม่เพียงแต่สามารถใช้กับศัตรูที่คุณกำลังประจันหน้าเท่านั้น คุณสามารถใช้มันเพื่อหลอกฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย ตัวอย่างเช่น หากทีมของคุณต้องการจะ all เพื่อทำลายป้อมที่เลนบน โดยที่เลนบนมีฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ 2 ตัว และที่เลนกลางมีฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ 3 ตัว ก่อนที่ทีมของคุณจะโผล่หน้าเข้าไปเพื่อเปิดการปะทะที่เลนบน คุณสามารถใช้สกิล ulti กับฮีโร่ศัตรู 3 ตัวที่อยู่เลนกลางเพื่อหลอกว่าจะเข้าจู่โจมที่เลนกลาง ฮีโร่ 3 ตัวนั้นก็จะไม่กล้าไปไหนเพราะคอยระแวดระวังทีมของคุณอยู่(ซึ่งปกติแล้วถ้าฮีโร่ 3 ตัวนั้นมี Homecoming Stone และรู้ว่าเลนบนมีการปะทะก็จะวาร์ปไปช่วย) เมื่อผลจากสกิล ulti ของคุณหมดลง ฮีโร่ 3 ตัวนั้นก็จะพบว่าเพื่อนร่วมทีม 2 คนที่เคยอยู่เลนบน พร้อมกับป้อมของฝ่ายตัวเองได้อันตรธานจากไปแล้ว
- สกิล ulti ของ The Dark Lady มีจุดอ่อนที่มันสามารถลด"ระยะการมองเห็นของฮีโร่"ฝ่ายศัตรูให้เหลือ 400 หน่วยรอบตัว นั่นหมายความว่าการมองเห็นที่อยู่นอกเหนือจากตัวฮีโร่เองยังสามารถมองเห็นได้อยู่ ดังนั้น Ward of Sight, นกจากสกิล 2 ของ Tundra, และสกิลอื่นๆที่สามารถเปิดระยะการมองเห็นได้ จะทำให้สกิล ulti ของ The Dark Lady แทบจะสูญเปล่า
**นี่เป็นเพียง"แนวทาง"เท่านั้น**
- คุณอาจจะออก Ghost Marchers เพื่อให้ไล่ตีศัตรูได้ทัน
- คุณอาจจะออก Runed Cleaver เพื่อให้คุณฟาร์มได้ง่ายขึ้น และใช้สกิลได้บ่อยขึ้น- คุณอาจจะออก Shield Breaker*, Elder Parasite*, Riftshards เพื่อส่งศัตรูลงหลุมภายในเสี้ยววินาที
- คุณอาจจะออก Shrunken Head เพื่อให้คุณโหดแบบหยุดไม่อยู่
- คุณอาจจะออก Charged Hammer เพื่อให้สายฟ้าแลบแปรบปราบในยามที่คุณใช้สกิล 3 กับศัตรู!
- คุณอาจจะออกอะไรก็ได้ เพราะทั้งหมดนั้น ขึ้นอยู่กับคุณ!
*เป็นไอเทมประเภท Attack Modifier หากออกไอเทมประเภทเดียวกันหลายชิ้น จะสามารถแสดงผลของไอเทมได้เพียง 1 ชิ้นเท่านั้น(เลือกได้ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ)
________________________________________________________________________________________
- สกิล Dark Blades(สกิล 1) จะ silent ยูนิตที่คุณทำการโจมตี ดังนั้นในการปะทะช่วงต้นเกม(ภายในเลน) หากศัตรูมีสกิลหยุด(stun,unmovable,slow) เป้าหมายของคุณก็ควรจะเป็นฮีโร่ตัวนั้นเพื่อไม่ให้ศัตรูใช้สกิลหยุดหยุดคุณได้
- สกิล Taint Soul(สกิล 2) เป็นสกิลที่ใช้มานาน้อยมาก(35 หน่วยทุกเลเวล) มันจึงสามารถใช้สร้างความเสียหายเพื่อก่อกวนศัตรูภายในเลนได้เป็นอย่างดี หรือแม้กระทั่งใช้ last-shot ครีปก็ยังได้
- เมื่อคุณใช้สกิล Charging Strikes(สกิล 3) ยูนิตทุกตัวที่คุณเคลื่อนที่ผ่านระหว่างใช้สกิลจะถูก"โจมตี" 1 ครั้ง โดยยูนิตตัวแรกที่โดนสกิลจะโดนความเสียหายแรงที่สุด และตัวถัดๆไปจะโดนความเสียหายน้อยลง 15% (เช่นตัวที่ 1 โดน 100 ตัวที่สองจะโดน 85(ลดลงไป 15% จาก 100) ตัวที่สามจะโดน 72(ลดลงไป 15% จาก 85) เป็นต้น) นั่นหมายความว่าหากคุณออกไอเทมที่ส่งผลต่อการโจมตี สกิล 3 ของคุณก็จะแสดงผลนั้นด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Shield Breaker เมื่อคุณใช้สกิล 3 ศัตรูที่คุณพุ่งผ่านก็จะถูกลบเกราะด้วย หากคุณมี Elder Parasite เมื่อคุณใช้สกิล 3 คุณก็จะสามารถ"ดูดเลือด"ศัตรูได้ด้วย หากคุณมีั Charged Hammer เมื่อคุณใช้สกิล 3 คุณก็มีโอกาสที่จะทำให้ศัตรูโดน"สายฟ้า"จากไอเทมด้วย(เพราะยูนิตที่พุ่งผ่านจะถูก"โจมตี") หากคุณมี Riftshards คุณก็มีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายจากสกิล 3 ได้มากขึ้น(เพราะมีโอกาสติด critical จากการ"โจมตี") ยิ่งหากคุณมีไอเทม Runed Cleaver ด้วยแล้ว หากคุณเกิด"โจมตี"ติด Critical ศัตรูได้หลายๆตัวในขณะที่คุณใช้สกิล 3 ขึ้นมา ความเสียหายที่ศัตรูได้รับก็จะยิ่งทวีึความรุนแรงขึ้นอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้เลยที่เดียว(เวอร์) (เพราะไอเทม Runed Cleaver จะกระจายความเสียหายจาก"การโจมตี"แก่ยูนิตรอบๆเป้าหมาย 40% หากศัตรูอยู่ใกล้ๆกันแล้วคุณทำ critical ได้ สกิลของคุณก็จะเป็นสกิล nuke ดีๆนี่เอง)
สายฟ้าฟาด! |
- จากข้อข้างบน การใช้สกิล 1 ก่อนที่จะใช้สกิล 3 ก็สามารถทำให้ยูนิตที่คุณพุ่งผ่านติดสถานะ silent ได้เช่นเดียวกัน และผลจากสกิล 1 จะช่วยเพิ่มความเสียหายใ้ห้สกิล 3 อีกมากเลยทีเดียว
กดสกิล 1! พุ่งด้วยสกิล 3! แล้วฆ่าตัว stun ก่อน! |
- สกิล 3 นับเป็น"การเคลื่อนที่" ดังนั้นมันจึงไม่สามารถใช้เพื่อข้ามหน้าผา/ต้นไม้ได้(ไม่เหมือนกับสกิล Flash ของ Magebane)
- สกิล Cover of Darkness(สกิล ulti) มีระยะการใช้สกิลที่ไม่จำกัด หากเพื่อนของคุณกำลังหนีศัตรูที่กำลังไล่ gank แม้จะอยู่คนละเลนกันคุณก็สามารถใช้สกิล ulti ใส่ศัตรูเพื่อช่วยเพื่อนของคุณได้
- ในการใช้สกิล ulti ยามปะทะหมู่ ถ้าเป็นไปได้พยายามใช้สกิลให้โดนศัตรูทุกตัว(ถ้าฝ่ายตรงข้ามมากันครบ) ยิ่งใช้ในตอนที่ศัตรูอยู่ห่างกันยิ่งดีเพราะศัตรูจะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตัวเอง ทำให้การฆ่าศัตรูที่ละตัวนั้นทำได้ง่ายมาก(ถ้าใช้ในตอนที่ศัตรูอยู่ติดกันเป็นกระจุก ศัตรูก็จะมองเห็นซึ่งกันและกันและสามารถช่วยเหลือกันได้ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าสกิล ulti ของคุณแสดงประสิทธิภาพได้ไม่เต็มที่ เพราะสกิล ulti ใช้ในการ"บดบังสายตา"ของศัตรูไม่ให้ศัตรูรู้ทั้งความเคลื่อนไหวภายในทีมของคุณและภายในทีมของศัตรูเอง)
- การใช้สกิล ulti ไม่เพียงแต่สามารถใช้กับศัตรูที่คุณกำลังประจันหน้าเท่านั้น คุณสามารถใช้มันเพื่อหลอกฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย ตัวอย่างเช่น หากทีมของคุณต้องการจะ all เพื่อทำลายป้อมที่เลนบน โดยที่เลนบนมีฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ 2 ตัว และที่เลนกลางมีฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ 3 ตัว ก่อนที่ทีมของคุณจะโผล่หน้าเข้าไปเพื่อเปิดการปะทะที่เลนบน คุณสามารถใช้สกิล ulti กับฮีโร่ศัตรู 3 ตัวที่อยู่เลนกลางเพื่อหลอกว่าจะเข้าจู่โจมที่เลนกลาง ฮีโร่ 3 ตัวนั้นก็จะไม่กล้าไปไหนเพราะคอยระแวดระวังทีมของคุณอยู่(ซึ่งปกติแล้วถ้าฮีโร่ 3 ตัวนั้นมี Homecoming Stone และรู้ว่าเลนบนมีการปะทะก็จะวาร์ปไปช่วย) เมื่อผลจากสกิล ulti ของคุณหมดลง ฮีโร่ 3 ตัวนั้นก็จะพบว่าเพื่อนร่วมทีม 2 คนที่เคยอยู่เลนบน พร้อมกับป้อมของฝ่ายตัวเองได้อันตรธานจากไปแล้ว
- สกิล ulti ของ The Dark Lady มีจุดอ่อนที่มันสามารถลด"ระยะการมองเห็นของฮีโร่"ฝ่ายศัตรูให้เหลือ 400 หน่วยรอบตัว นั่นหมายความว่าการมองเห็นที่อยู่นอกเหนือจากตัวฮีโร่เองยังสามารถมองเห็นได้อยู่ ดังนั้น Ward of Sight, นกจากสกิล 2 ของ Tundra, และสกิลอื่นๆที่สามารถเปิดระยะการมองเห็นได้ จะทำให้สกิล ulti ของ The Dark Lady แทบจะสูญเปล่า
เยี่ยมครับเป็นบล็อกที่ดี ผมอยากให้ทำรีวิวBerzerker หน่อยเพราะมันเป็นฮีโร่โปรดของผมเลยครับ อยากรู้แนวทาง
ตอบลบ