Thunderbringer |
________________________________________________________________________________________
แนะนำฮีโร่
Thunderbringer คือฮีโร่สาย INT ที่เกิดมาเป็น nuker อย่างแท้จริง นั่นก็เพราะทุกสกิลของมันเป็นสกิลที่ใช้สร้างความเสียหายทั้งหมด! และความรุนแรงของสกิลนั้นก็อยู่ในขั้นที่จะระเบิดร่างของศัตรูออกเป็นเสี่ยงๆได้ในไม่กี่อึดใจ! ไม่ว่าตัว carry ที่ว่าเจ๋ง ตัว tank ที่ว่าอึดของฝ่ายศัตรู เจอมันเสกฟ้าผ่าเข้าไป 1 ดอก เป็นใครก็ต้องกรี๊ดแตกแน่ ด้วยสกิลที่รุนแรงของมันทำให้มันเป็นตัวสกัดดาวรุ่งของฝ่ายตรงข้ามได้ดีมากๆในช่วงต้นถึงกลางเกม และความสามารถในการลงทัณฑ์ศัตรูด้วยสายฟ้าฟาดที่ไม่ว่าศัตรูจะอยู่หนแห่งใดก็มิอาจหลบพ้นก็ยังทำให้มันเป็นตัวปิดฉากการปะทะได้อย่างสวยงาม แต่ทว่าพลังทำลายล้างอันมหาศาลของมันก็แลกมากับระยะการโจมตีที่สั้นมาก ซึ่งทำให้เป็นการยากที่จะกำจัดครีปได้โดยไม่ตกอยู่ในจุดที่อันตราย และความสามารถในการเอาตัวรอดที่เป็นศูนย์ก็ทำให้มันตกเป็นเป้าของเหล่านักล่าได้ง่าย แต่นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาถ้าคุณเล่นมันอย่างฉลาด รู้จักการใช้สกิลเพื่อกำจัดครีป รู้จักการปัก ward เพื่อลดโอกาสที่จะถูกลอบฆ่า รู้จักที่จะรักษาระยะห่างกับศัตรูและการปะทะเพื่อไม่ให้คุณตกเป็นเป้าได้โดยง่าย และรู้จักอาศัย fog of war(พื้นที่มืดของแผนที่) ให้เป็นประโยชน์ในการปกปิดตำแหน่งของคุณจากศัตรู เมื่อคุณสามารถใช้วิธีการเล่นที่แยบยลปกปิดจุดอ่อนของมันได้ คุณก็จะพบว่า... นี่คือฮีโร่ nuker ที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา...
เนื่องจากฮีโร่ตัวนี้มีสกิลที่รุนแรง การอยู่เลนกลางในช่วงต้นเกมเพื่อเร่งเลเวลให้สกิลของคุณมีเลเวลสูงๆจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก(เพราะตัวคุณเป็นฮีโร่ที่เน้นการสร้างความเสียหายแก่ศัตรูด้วยสกิล) และการอยู่เลนกลางก็ยังทำให้คุณควบคุม rune ได้ง่ายอีกด้วย ในการฟาร์มเลนนั้นเนื่องจากคุณมีระยะโจมตีที่สั้น การ last-hit ครีปด้วยการโจมตีจึงอาจทำให้คุณตกอยู่ในตำแหน่งที่ล่อแหลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเผชิญหน้ากับฮีโร่ที่เป็นตัวอันตราย(เช่น Monkey King, Deadwood) การเข้าไปใกล้ศัตรูมากเกินไปอาจทำให้คุณถูกฆ่าตายได้ ดังนั้นให้คุณอัพสกิล Chain Lightning(สกิล 1) และสกิล Lightning Rod(สกิล 3) ไว้อย่างละ 1 เลเวลเพื่อใช้สกิล 1 ในการ last-hit ครีปเมื่อคุณเห็นว่าการ last-hit ครีปด้วยการโจมตีธรรมดาเสี่ยงเกินไป ซึ่งด้วยระยะการร่ายสกิลที่ไกลกว่าระยะการโจมตี จะทำให้คุณ last-hit ครีปได้จากตำแหน่งที่ปลอดภัย และผลจากสกิล 3 ก็ยังใช้ก่อกวนศัตรูได้เล็กน้อยเมื่อคุณใช้สกิล 1 หลังจากอัพ 2 สกิลนี้ไว้อย่างละ 1 เลเวลแล้ว ให้คุณเน้นไปที่การอัพสกิล Blast of Lightning(สกิล 2) ซึ่งเป็นสกิลหลักที่จะใช้สร้างความเสียหายแก่ศัตรู เมื่อคุณมีสกิล 2 เลเวล 3 (ตัวคุณจะมีเลเวล 5) คุณสามารถใช้สกิลนี้กับศัตรูที่คุณเผชิญหน้าเพื่อก่อกวนได้ ซึ่งแค่การซัดสกิล 2 ใส่ศัตรูเพียง 2 ครั้งจะทำให้ HP ของศัตรูลดลงไปกว่าครึ่งแบบชัวร์ๆ(เผลอๆ HP จะเกือบมิดหลอด) ซึ่งนั่นก็จะทำให้การฟาร์มของศัตรูช้าลงไปเนื่องจากจะต้องมาเสียเวลาระแวดระวังคุณด้วย หากคุณอยู่เลนกลาง แนะนำให้คุณออก Bottle เพื่อใช้เก็บ rune ใส่ขวด ซึ่งจะทำให้คุณมีมานาพอที่จะใช้สกิล 1 last-hit ครีป และใช้สกิล 2 ก่อกวนศัตรูอยู่ตลอดเวลา เมื่อคุณมีเลเวล 6 อย่าลืมอัพสกิล Lightning Storm(สกิล ulti) และใช้มันหากในเลนอื่นๆ(หรือเลนที่คุณอยู่)มีการปะทะ หรืออาจใช้มันเพื่อเก็บตกศัตรูที่เหลือรอดจากการปะทะ แต่! ทันทีที่คุณเลเวล 6 อย่าเพิ่งออก gank ให้คุณฟาร์มเก็บเลเวลในเลนที่คุณอยู่จนกว่าคุณจะมีเลเวล 7 พร้อมกับสกิล 2 ที่มีเลเวลเต็ม max และจากนี้ไปคือเวลาของคุณ ให้คุณเริ่ม gank ในเลนที่มีตัว carry ของฝ่ายตรงข้าม(และหมายหัวฮีโร่ตัวนั้นไว้) หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมของคุณเปิดการปะทะ ให้คุณสาดสกิล 2 ใส่เป้าหมายและตามด้วยสกิล 1 หากคุณอยู่เลนกลางมาตั้งแต่แรก(และฟาร์มดีๆ) ความต่างของเลเวลระหว่างคุณกับศัตรูในเลนข้างจะทำให้สกิล 2 ของคุณจะแสดงอานุภาพทำลายล้างได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะศัตรูยังมีไอเทมไม่มาก และมีเลเวลน้อยกว่าคุณ 1-2 เลเวล ด้วยสกิล 2 เลเวล max จะทำให้คุณสูบ HP ออกจากหลอดของเป้าหมายไปได้เกือบครึ่งหลอด(แ่ค่สกิล 2 สกิลเดียว) และนั่นจะทำให้ทีมของคุณสังหารศัตรูที่คุณหมายหัวไว้ได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่ช่วงเลเวล 7 ไปจนถึงช่วงกลางเกม หน้าที่ของคุณคือ"ตามจองเวรตัว carry ของฝ่ายตรงข้าม" ไม่ว่าตัว carry ของฝ่ายตรงข้ามจะฟาร์มที่เลนไหน ให้คุณตามมันไปที่เลนนั้นพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอีกซัก 1-2 คน แล้วจัดการมันซะ ถ้ามันไม่โผล่มาที่เลน ก็จัดการปัก ward กลางป่าที่มันน่าจะฟาร์ม มันโผล่มาเมื่อไหร่ก็ดักตีหัวมันซะ หากคุณสามารถกดดันตัว carry ของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ ชัยชนะก็อาจจะตกเป็นของคุณในทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามโหวตยอมแพ้ แต่ถ้าไม่ ฝ่ายตรงข้ามก็อาจจะเปลี่ยนแผนโดยเน้นไปที่การ"ปะทะหมู่" เพื่อให้คุณไม่สามารถตามจองเวรตัว carry ได้ง่ายๆ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะรวมพลกันมา 4 ตัวโดยให้ตัว carry อีก 1 ตัวฟาร์มที่เลนอื่น ในสถานการณ์เช่นนี้ให้คุณให้ความสำคัญไปที่การปะทะหมู่ก่อน ในการปะทะหมู่ ให้คุณอยู่ในแนวหลังของทีมไว้ อาศัย fog of war เป็นตัวปกปิดตำแหน่งของคุณ อย่าให้ศัตรูเห็นคุณเป็นอันขาด เพราะคุณเป็นฮีโร่ที่เปราะบางอีกทั้งไม่มีสกิลเอาตัวรอดใดๆเลย(การปัก ward จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากการถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง) คอยใช้สกิลต่างๆจากแนวหลัง โดยที่เป้าหมายของสกิลควรจะเป็นฮีโร่ที่เปราะบางมากที่สุดของฝ่ายตรงข้าม ด้วยความรุนแรงจากทุกๆสกิลที่คุณมีอยู่ การสังหารศัตรูด้วยสกิลต่างๆของคุณจึงไม่ใช่เรื่องยาก หากทีมของคุณเป็นฝ่ายกุมชัยชนะในการปะทะ ก็จัดการเคลื่อนพลไปทำลายฐานทัพของศัตรูให้แตกกระเจิง แล้วปล่อยให้ตัว carry ของฝ่ายตรงข้ามฟาร์มไปจนจบเกม!
จะเห็นได้ว่าฮีโร่ตัวนี้เน้นไปที่การสร้างความเสียหายจากสกิลมากๆ การเสริมจุดแข็งตรงนี้จะทำให้คุณแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็อย่าลืมว่าการใช้สกิลก็ต้องสูญเสียมานา การออกไอเทมเพื่อฟื้นฟูมานาและเพิ่มมานาสูงสุดก็จะทำให้คุณใช้สกิลได้เรื่อยๆจนกระทั่งเป้าหมายของคุณหมดลมหายใจ
- คุณอาจจะออก Bottle เพื่อใช้ในการฟื้นฟูมานาในช่วงต้นเกม
- คุณอาจจะออก Strider เพื่อให้คุณวิ่ง gank และวิ่งไปเก็บ rune ได้อย่างรวดเร็ว
- คุณอาจจะออก Spellshards ให้ทุกสกิลของคุณกระชากพลังชีวิตออกจากร่างของศัตรูได้จนหมดตัว
- คุณอาจจะออก Staff of the Master เพื่อเพิ่มพลังทำลายล้างของสกิล ulti จาก"เปรี้ยง!"เป็น"เปรี้ยงงงงงงง!!!!!!!"
- คุณอาจจะออก Restoration Stone เพื่อปลิดชีพศัตรูด้วยการใช้สกิล ulti ได้ถึง 2 ครั้งซ้อน!
- คุณอาจจะออก Kuldra's Sheepstick เพื่อใช้ support ทีมของคุณ
- คุณอาจจะออก Null Stone, Sacrificial Stone เพื่อเพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานา
- คุณอาจจะออกอะไรก็ได้ เพราะทั้งหมดนั้น ขึ้นอยู่กับคุณ!
- ให้คุณอัพสกิล Chain Lightning(สกิล 1) ให้เต็มเป็นสกิลสุดท้ายหลังจากที่อัพสกิลอื่นๆเต็มแล้ว เพราะมันเป็นเพียงสกิลที่ใช้หวังผลสร้างความเสียหายจากสกิล Lightning Rod(สกิล 3) เท่านั้น เนื่องจากมันมี cooldown ที่รวดเร็ว(เพียง 2.5 วินาที) การนำแต้มสกิลมาอัพสกิลนี้เพื่อแลกกับจำนวนการชิ่งและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยจึงไม่คุ้มค่าเท่ากับการนำแต้มไปอัพสกิลอื่นๆ
- สกิล Blast of Lightning(สกิล 2) มีความสามารถที่ไม่ได้อธิบายไว้ในคำอธิบายของเว็บหลัก คือ เมื่อคุณใช้สกิล 2 กับยูนิตใดๆ นอกจากยูนิตนั้นจะได้รับความเสียหายตามปกติแล้ว พื้นที่โดยรอบของยูนิตนั้นในรัศมี 500 หน่วยจะถูกเปิดการมองเห็นให้กับทีมของคุณเป็นเวลา 3 วินาที ซึ่งการเปิดการมองเห็นด้วยจากผลของสกิล 2 นี้เป็นการเปิดเผยยูนิตที่มีสถานะ"หายตัว"ที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย ซึ่งในเกมที่ฝ่ายตรงข้ามมีฮีโร่ที่สามารถหายตัวได้อย่าง Scout, Night Hound หรือ Fayde คุณก็สามารถใช้สกิล 2 กับครีปหรือฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่แถวนั้นเพื่อเช็คดูว่ามีฮีโร่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ก็ได้ หรือแม้กระทั่งใช้สกิล 2 กับครีปป่าที่อยู่ในบริเวณที่ฝ่ายตรงข้ามน่าจะปัก ward เอาไว้เพื่อเช็ค ward ของฝ่ายตรงข้ามก็ได้(แล้วจัดการซื้อ ward of revealation มา deward ซะ หรือจะให้เพื่อนร่วมทีมมาช่วยทำลายในขณะที่ใช้สกิล 2 ก็ได้)
- หากคุณมีัอัตราการฟื้นฟูมานาและมีมานาสูงสุดที่มากพอสมควรแล้ว ก่อนการปะทะ ถ้าคุณอยู่กับเพื่อนร่วมทีมที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ คุณสามารถตัดกำลังของศัตรูได้ด้วยการใช้สกิล 1 และสกิล 2 ก่อกวนศัตรู ซึ่งผลจากสกิล 3 จะทำให้ฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามตัวอื่นๆโดนลูกหลงไปด้วย(สกิล 3 จะสร้างความเสียหายแก่ฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามในรัศมี 800 หน่วยรอบตัวเราเมื่อเราใช้สกิลใดๆด้วยความรุนแรงเท่ากับ 10% ของ HP ที่เหลืออยู่ของฮีโร่ตัวนั้นๆที่สกิลเลเวล 4)
- เมื่อทีมของคุณมีการปะทะ และคุณไปเข้าร่วมไม่ทัน อย่าลืมจับตาดูการปะทะนั้นและมองหาศัตรูที่มี HP เหลือน้อยๆพอที่สกิล Lightning Storm(สกิล ulti) จะสังหารได้ หากศัตรูตัวนั้นหลุดรอดไปจากการปะทะ ก็ให้คุณปลิดชีพมันด้วยสกิล ulti ซะ (แต่ถ้าเพื่อนร่วมทีมของคุณฆ่าได้แน่ๆก็ไม่ควรจะไป last-shot เค้านะ)
- ในบางครั้ง คุณไม่จำเป็นจะต้องใช้สกิล ulti ในการปิดฉากการปะทะก็ได้ คุณสามารถใช้มันตั้งแต่เริ่มการปะทะเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมของคุณเบาแรงลง หรือเพื่อสกัดการเปิดการปะทะของฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามที่มี Portal Key อย่าง Behemoth, Magmus เป็นต้น
- สกิล ulti สามารถใช้เปิดพื้นที่การมองเห็นรอบๆฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามทุกตัวได้แม้ว่าจะอยู่ในสถานะหายตัว หากคุณกลัวว่าศัตรูจะแอบดักตีหัวคุณอยู่ หรือสงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามจะไปรุม Konger กันหรือเปล่า คุณก็สามารถใช้สกิล ulti เพื่อเช็คดูได้
- เนื่องจากคุณเป็นฮีโร่ที่ไม่มีสกิลเอาตัวรอด การปัก ward เพื่อป้องกันการถูก gank จากฝ่ายตรงข้ามและการอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนร่วมทีม(หลังเลเวล 7)เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยลดโอกาสที่คุณจะถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัว อย่าลืมข้อนี้เป็นอันขาด
________________________________________________________________________________________
แนวทางการเล่น
Chain Lightning / Blast of Lightning / Lightning Rod / Lightning Storm |
________________________________________________________________________________________
แนวทางการออกไอเทม
จะเห็นได้ว่าฮีโร่ตัวนี้เน้นไปที่การสร้างความเสียหายจากสกิลมากๆ การเสริมจุดแข็งตรงนี้จะทำให้คุณแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็อย่าลืมว่าการใช้สกิลก็ต้องสูญเสียมานา การออกไอเทมเพื่อฟื้นฟูมานาและเพิ่มมานาสูงสุดก็จะทำให้คุณใช้สกิลได้เรื่อยๆจนกระทั่งเป้าหมายของคุณหมดลมหายใจ
- คุณอาจจะออก Strider เพื่อให้คุณวิ่ง gank และวิ่งไปเก็บ rune ได้อย่างรวดเร็ว
- คุณอาจจะออก Spellshards ให้ทุกสกิลของคุณกระชากพลังชีวิตออกจากร่างของศัตรูได้จนหมดตัว
- คุณอาจจะออก Staff of the Master เพื่อเพิ่มพลังทำลายล้างของสกิล ulti จาก"เปรี้ยง!"เป็น"เปรี้ยงงงงงงง!!!!!!!"
- คุณอาจจะออก Restoration Stone เพื่อปลิดชีพศัตรูด้วยการใช้สกิล ulti ได้ถึง 2 ครั้งซ้อน!
- คุณอาจจะออก Kuldra's Sheepstick เพื่อใช้ support ทีมของคุณ
- คุณอาจจะออก Null Stone, Sacrificial Stone เพื่อเพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานา
- คุณอาจจะออกอะไรก็ได้ เพราะทั้งหมดนั้น ขึ้นอยู่กับคุณ!
________________________________________________________________________________________
Tips
- ให้คุณอัพสกิล Chain Lightning(สกิล 1) ให้เต็มเป็นสกิลสุดท้ายหลังจากที่อัพสกิลอื่นๆเต็มแล้ว เพราะมันเป็นเพียงสกิลที่ใช้หวังผลสร้างความเสียหายจากสกิล Lightning Rod(สกิล 3) เท่านั้น เนื่องจากมันมี cooldown ที่รวดเร็ว(เพียง 2.5 วินาที) การนำแต้มสกิลมาอัพสกิลนี้เพื่อแลกกับจำนวนการชิ่งและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยจึงไม่คุ้มค่าเท่ากับการนำแต้มไปอัพสกิลอื่นๆ
- สกิล Blast of Lightning(สกิล 2) มีความสามารถที่ไม่ได้อธิบายไว้ในคำอธิบายของเว็บหลัก คือ เมื่อคุณใช้สกิล 2 กับยูนิตใดๆ นอกจากยูนิตนั้นจะได้รับความเสียหายตามปกติแล้ว พื้นที่โดยรอบของยูนิตนั้นในรัศมี 500 หน่วยจะถูกเปิดการมองเห็นให้กับทีมของคุณเป็นเวลา 3 วินาที ซึ่งการเปิดการมองเห็นด้วยจากผลของสกิล 2 นี้เป็นการเปิดเผยยูนิตที่มีสถานะ"หายตัว"ที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย ซึ่งในเกมที่ฝ่ายตรงข้ามมีฮีโร่ที่สามารถหายตัวได้อย่าง Scout, Night Hound หรือ Fayde คุณก็สามารถใช้สกิล 2 กับครีปหรือฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่แถวนั้นเพื่อเช็คดูว่ามีฮีโร่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ก็ได้ หรือแม้กระทั่งใช้สกิล 2 กับครีปป่าที่อยู่ในบริเวณที่ฝ่ายตรงข้ามน่าจะปัก ward เอาไว้เพื่อเช็ค ward ของฝ่ายตรงข้ามก็ได้(แล้วจัดการซื้อ ward of revealation มา deward ซะ หรือจะให้เพื่อนร่วมทีมมาช่วยทำลายในขณะที่ใช้สกิล 2 ก็ได้)
ลากครีปป่ามาส่อง ward! |
- หากคุณมีัอัตราการฟื้นฟูมานาและมีมานาสูงสุดที่มากพอสมควรแล้ว ก่อนการปะทะ ถ้าคุณอยู่กับเพื่อนร่วมทีมที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ คุณสามารถตัดกำลังของศัตรูได้ด้วยการใช้สกิล 1 และสกิล 2 ก่อกวนศัตรู ซึ่งผลจากสกิล 3 จะทำให้ฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามตัวอื่นๆโดนลูกหลงไปด้วย(สกิล 3 จะสร้างความเสียหายแก่ฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามในรัศมี 800 หน่วยรอบตัวเราเมื่อเราใช้สกิลใดๆด้วยความรุนแรงเท่ากับ 10% ของ HP ที่เหลืออยู่ของฮีโร่ตัวนั้นๆที่สกิลเลเวล 4)
- เมื่อทีมของคุณมีการปะทะ และคุณไปเข้าร่วมไม่ทัน อย่าลืมจับตาดูการปะทะนั้นและมองหาศัตรูที่มี HP เหลือน้อยๆพอที่สกิล Lightning Storm(สกิล ulti) จะสังหารได้ หากศัตรูตัวนั้นหลุดรอดไปจากการปะทะ ก็ให้คุณปลิดชีพมันด้วยสกิล ulti ซะ (แต่ถ้าเพื่อนร่วมทีมของคุณฆ่าได้แน่ๆก็ไม่ควรจะไป last-shot เค้านะ)
- ในบางครั้ง คุณไม่จำเป็นจะต้องใช้สกิล ulti ในการปิดฉากการปะทะก็ได้ คุณสามารถใช้มันตั้งแต่เริ่มการปะทะเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมของคุณเบาแรงลง หรือเพื่อสกัดการเปิดการปะทะของฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามที่มี Portal Key อย่าง Behemoth, Magmus เป็นต้น
- สกิล ulti สามารถใช้เปิดพื้นที่การมองเห็นรอบๆฮีโร่ของฝ่ายตรงข้ามทุกตัวได้แม้ว่าจะอยู่ในสถานะหายตัว หากคุณกลัวว่าศัตรูจะแอบดักตีหัวคุณอยู่ หรือสงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามจะไปรุม Konger กันหรือเปล่า คุณก็สามารถใช้สกิล ulti เพื่อเช็คดูได้
ทำอะไรกันอยู่! |
- เนื่องจากคุณเป็นฮีโร่ที่ไม่มีสกิลเอาตัวรอด การปัก ward เพื่อป้องกันการถูก gank จากฝ่ายตรงข้ามและการอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนร่วมทีม(หลังเลเวล 7)เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยลดโอกาสที่คุณจะถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัว อย่าลืมข้อนี้เป็นอันขาด
ผมอยาก เสนอ นิดน่ะ ครับ ว่า Blog นี้อยากให้ช่วยเพิ่ม การอัพสแตน พอเป็นแนวทางได้ไหมคับ
ตอบลบ